แรกเริ่มเดิมทีผู้เสียหายไม่มีใครกล้าไปแจ้งความเพราะกลัวอำนาจของชมรมนี้ ที่กระเป๋าหนักและยังมีลิ่วล้อ แบ่งเป็น5ภาคครอบคลุมไปทั่วประเทศ ยิ่งพอมีแรงสนับสนุนจากคนที่เข้าร่วมปาร์ตี้แล้่ว ยิ่งทำให้อำนาจที่กลุ่มนี้มี ยิ่งกว่าลัทธิงมงายเสียอีก
ในปี 2003 เริ่มมีนักศึกษา จาก 1 เป็น 2 เป็น 3 ไปจนถึงหลายๆคน ได้ลุกออกมาต่อต้านชมรมนี้ เมื่อมีคนออกมาแฉเบื้องหลังความเลวร้ายของชมรมนี้ ในขณะที่รีแอคชั่นของ หัวหน้าเลขาธิการคณะรับมนตรี ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนปี 2003 อย่าง ยาซูโอะ ฟูกูดะ และ นักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม เซอิชิ โอตะ กลับมีความคิดเห็นที่ น่ารังเกียจ โดยให้สัมภาษณ์ว่า “ผู้หญิงกลุ่มนี้ทำตัวเองทั้งนั้น เพราะผู้ชายก็เหมือนเสืออยู่แล้ว”
ปัจจุบันชมรมนี้กลายเป็นกรณีศึกษา และผู้เชี่ยวชาญหลายท่านในปัจจุบันก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สังคมคนญี่ปุ่นนั้นเป็นสังคมแบบคนไหลตามกัน โดยไม่มีใครกล้าทำอะไรฉีกออกไปคนเดียว ทำให้ชมรมอยู่ได้นานขนาดนั้น