สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่

สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่

สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ หากพูดถึงปลายทางในความฝันของใครหลาย ๆ คนแล้วสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ นั้นก็เป็นอีกหนึ่งปลายทางความฝันของนักเดินทางหลาย ๆ คนที่ต้องการจะทำตามเป้าหมายในการไปเยี่ยมชม หรือ การเปิดประสบการณ์สัมผัสสักครั้งหนึ่ง กับสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่อลังการเหล่านี้ซึ่งสถาน ที่แต่ละแห่งนั้นต่างก็มีเรื่องราว Story ความเป็นมาเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนานบนโลกใบนี้ของเรา 

โดยวันนี้เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในยุคใหม่ที่ได้มีประกาศเอาไว้ในปีพ.ศ 2550 ณกรุงลิสบอลประเทศตุรกี โดยองค์กร The New Open World Corporation (NOWC) ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์  เพื่อเป็นแนวทางให้กับหลาย ๆ ท่านที่มีความฝันอยากกระทำการสัมผัส และ ไปเยี่ยมชมกับสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้

ปลายทางของโลกยุคใหม่

ปลายทางของโลกยุคใหม่ ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ ต่างก็มีความชื่นชอบในการท่องเที่ยว กันเป็นอย่างมาก เพราะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความผ่อนคลาย อีกทั้งยังทำให้ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในแหล่งนั้น ๆ อีกด้วยเช่นเดียวกัน และเมื่อพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลก หรือ สถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์ของโลก ที่เราได้ทำการรวบรวมมาให้ในข้อมูลเหล่านี้ เรียกได้ว่าจะเป็นการเปิดประสบการณ์ ที่แตกต่างให้กับนักเดินทางหลาย ๆ ท่านที่ต้องการจะไปเยี่ยมชม และ มองเห็นรวมไปถึงสัมผัสกับสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่อลังการเหล่านี้ และย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ของบนโลกใบนี้ไปในตัวพร้อม ๆ กันได้อีกด้วย

ชีเชนอิตซา (Chichen Itza) ประเทศเม็กซิโก

สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่

ชีเชนอิตซา (Chichen Itza) ประเทศเม็กซิโก เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมืองเก่าและแหล่งโบราณคดีขนาดเล็กใหญ่ในรัฐยูกาต่างประเทศเม็กซิโก ที่มีชื่อเสียงที่สุดของชนเผ่ามายา ชีเชนอิตซา (Chichen Itza) ประเทศเม็กซิโก เช่น วิหารนัก วิหารนักรบ หอคอยสังเกตการณ์เอลการากอล และรวมไปถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างความโดดเด่นมากที่สุด ในประเทศเม็กซิโก นั่นก็คือ พีระมิดเอลกัสตีโย วัดของชนเผ่ามายาที่มีลักษณะ 

เป็นพีระมิดยอดตัด และ มีบันไดอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ด้านซึ่งแต่ละด้านก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 91 ชั้นเมื่อนับรวมกับฐานจะได้ทั้งหมด 365 ขั้นหรือเท่ากับจำนวนวันใน 1 ปีตามปฏิทินของชาวมายากันนั่นเอง โดยตรงกลางของบนยอดพีระมิด หากคุณสังเกตดีๆคุณจะเห็นได้ว่าพีระมิดจะทำการใช้เป็นที่ประกอบพิธีสังเวยเทพเจ้า ซึ่งทำให้มีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยมทึบสูงขึ้นไปความน่ามหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง 

ของพีระมิดในส่วนนี้ ก็คือพีระมิดหันหน้าไปยังตำแหน่งที่เกิดปรากฏการณ์วิษุวัตหรือปรากฏการณ์ ที่โลกมีเวลากลางวันยาวนานเท่า กับเวลากลางคืน ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงของเดือนมีนาคม และ กันยายนโดยแสงอาทิตย์จะทำการส่องผ่านบันได ด้านทิศเหนือเป็นเงาผ้าตัวพีระมิด ที่สร้างความสวยงามและแปลกตา

รูปสลักพระเยซูคริสต์ (Christ The Redeemer) ประเทศบราซิล

สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่

รูปสลักพระเยซูคริสต์ (Christ The Redeemer) ประเทศบราซิล มาต่อกันที่สิ่งมหัศจรรย์ของประเทศบราซิลกันบ้างดี กว่าถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ กริชตูเรเดงโตร์ หรือ Christ The Redeemer รูปสลักพระเยซูคริสต์ความสูง 38 เมตร แขนยาว 28 เมตร สัญลักษณ์อันโด่งดังของประเทศบราซิล แกะสลักจากหินสบู่ขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านเป็นสง่าอยู่ที่ยอดเขากอร์โกวาดู 

ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาหลักของประเทศบราซิล และรูปสลักนี้ก็ถูกสร้างขึ้นบนยอดเขา โดยหันพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์เข้าหาเมือง ให้เสมือนว่าเมืองอยู่ใต้การคุ้มครองของพระองค์ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในประเทศรูปสลักพระเยซูคริสต์เปิดให้ชมทุกวัน และหากเป็นไปได้ควรเลือกเข้าชมวันธรรมดา เพราะวันเสาร์อาทิตย์คนจะพลุกพล่านกว่า

กำแพงเมืองจีน (Great Wall Of China) ประเทศจีน
สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่

กำแพงเมืองจีน (Great Wall Of China) ประเทศจีน กำแพงเมืองจีนเป็นที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังไปทั่วโลกและหลายคนต่างก็อยากจะมาเยือนกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในยุคกลางในประเทศจีนสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมากแถมยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วยนั่นเองกำแพงเมืองจีนน่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่คนไทยรู้จัก และ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและเชื่อได้เลยว่าหลาย 

คนอาจเคยไปเยือนกันมาแล้วซึ่งกำแพงเมืองจีนได้ทำการก่อสร้างขึ้นเมื่อ 2,500 ปีที่ผ่านมามีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเข้ามารุกรานดินแดนทางเหนือของชาวมองโกเลียและชาวเติร์กโดยกำแพงเมืองจีนมีความยาวมากกว่า 21,196 กิโลเมตรและควบคุมพื้นที่มากกว่า 15 มณฑลทั่วประเทศจีนโดยมีลักษณะเป็นกำแพงยาวแบบมีป้อม

มาชูปิกชู (Machu Picchu) ประเทศเปรู

มาชูปิกชู (Machu Picchu) ประเทศเปรู หรือที่คุ้นกันในชื่อ “นครสาบสูญแห่งอินคา” เป็นสถานที่สำคัญของชนเผ่าอินคา และเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์โลกยุคใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเมืองสาบสูญเพราะผู้คนอพยพออกจากดินแดนแห่งนี้ไปหมด เนื่องจากการรุกรานของชาวสเปน และถูกลืมไปนานนับร้อยปีจนนักโบราณคดี ไฮแรม บิงแฮม ได้มาค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2454 เคยตั้งอยู่ห่างจากเมืองกุสโกไปทางทิศตะวันเฉียงเหนือราว 70 กิโลเมตร

ลักษณะเป็นเหมือนป้อมปราการแบบลดหลั่น เป็นขั้นภายในมีซากวัด พระราชวัง และ น้ำพุรวมไปถึงแท่นบูชาและสถาปัตยกรรมประณีตอีกมากมาย ที่คุณจะสามารถพบได้โดยนักสำรวจได้ทำการคิดค้นทฤษฎีเหตุผลในการก่อสร้างสถาน ที่แห่งนี้มาอย่างมากมายเช่นเพื่อบูชาพระเจ้า หรือ เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศของจักรพรรดิอินคา และ เป็นสถานีทดลองเกษตรกรรม หรือ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับดาราศาสตร์

ติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ : https://discoveryman.com/